งานวิชา สารสนเทศ
วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2559
Interrogation2
https://docs.google.com/forms/d/1w-AB6iVSRTpF0iTb612LW8ePwPs83XUIiJE2FbFYX90/edit?usp=sharing
วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2559
ภาพสถานที่ภายใน มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด
ภาพสถานที่ภายใน มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด
1.ภาพด้านหน้าทางเข้ามหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด
2.ภาพพระนาคปรก สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด
3.ดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด
5.ภาพมุมสูงที่เห็น สระแก้วราชภูมิ ตึก ICT และตึกบรรณาราชณครินทร์
6.ภาพตึก 9ชั้น
7.ภาพตึกพยาบาล
8.ตึก 7ชั้น
ตัวละครหลักการ์ตูน Doraemon โดราเอมอน
ตัวละครหลักการ์ตูน Doraemon โดราเอมอน
โดราเอมอน
โดราเอมอน? หุ่นยนต์แมวจากอนาคตมาช่วยเหลือดูแลโนบิตะ ด้วยของวิเศษจากกระเป๋าสี่มิติ
โดราเอมอน หรือ โดเรมอน เป็นตัวละครจากการ์ตูนเรื่องโดราเอมอน เป็นหุ่นยนต์แมวจากโลกอนาคต ในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 22 เกิดวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2655 (ค.ศ. 2112) หนัก 129.3 กก. สูง 129.3 ซม. กระโดดได้สูง 129.3 ซม. และยังวิ่งได้เร็วถึง 129.3 กม. / ชม. โนบิตะ วันหนึ่งเซวาชิเกิดอยากรู้สาเหตุที่ฐานะทางบ้านยากจน จึงได้กลับไปในอดีตด้วยไทม์แมชชีน จึงได้รู้ว่าโนบิตะ (ผู้เป็นปู่ทวด) เป็นตัวต้นเหตุ เซวาชิจึงได้ตัดสินใจให้โดราเอมอนย้อนเวลาไปคอยช่วยเหลือดูแลเวลาโนบิตะโดน แกล้งโดยใช้ของวิเศษที่หยิบจากกระเป๋าสี่มิติลักษณะตัวอ้วนกลมสีฟ้า (เมื่อแรกเกิดมามีสีเหลือง) ไม่มีใบหู เนื่องจากถูกหนูแทะ มีหน้าที่เป็นหุ่นยนต์พี่เลี้ยงซึ่งคนที่ซื้อโดราเอมอนมาคือเซวาชิเหลนชาย ของโนบิตะ
โนบิ โนบิตะ Nobita
โนบิ โนบิตะ Nobita เด็กชายที่ไม่เอาไหน ทั้งเรื่องการเรียน กีฬา แต่เก่งในเรื่องยิงปืนและพันด้าย นิสัยขี้เกียจ และชอบนอนกลางวัน
โนบิตะ Nobita เป็นตัวละครหลักของเรื่อง เกิดวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2507 ราศีสิงห์ เป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวโนบิ ปกติจะใส่แว่น สวมเสื้อโปโลสีเหลืองหรือแดงปกขาว กางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน มีนิสัยขี้แย เป็นคนไม่เอาถ่าน อ่อนแอ ไม่เคยพึ่งพาตนเอง เรียนหนังสือไม่เก่ง สอบได้ 0 คะแนนบ่อยๆ มาโรงเรียนสายประจำ ถูกทำโทษบ่อยครั้ง กีฬาก็ไม่ถนัด แต่เล่นพันด้ายเก่ง และเป็นจอมแม่นปืน งานอดิเรกก็คือนอนกลางวัน กับอ่านการ์ตูน ถือว่าเป็นตัวละครที่ไม่เอาไหน แต่ในอีกด้านหนึ่งเขาก็มีนิสัยที่ดีอยู่มากเช่นกัน เช่น รักสัตว์ ขี้สงสาร รักเพื่อน อารมณ์อ่อนไหว และรักความยุติธรรม ยอมนำตัวเองเข้าไปเสี่ยงอันตรายเพื่อช่วยเพื่อนมนุษย์
ในความเป็นจริงแล้วโนบิตะเป็นคนที่รัก พ่อ แม่ และย่าของเขามากแต่ด้วยวัยที่และสภาพครอบครัวที่ค่อนข้างเป็นแบบยุคเก่า ทำให้การแสดงออกทางความรักต่อกันมีน้อย ในเนื้อเรื่องมักจะมีการแสดงออกถึงความรักในครอบครัวในเวลาคับขัน เช่น ใครบางคนหายไปจากบ้านเป็นเวลานานๆ หรือมีใครป่วยไข้ไม่สบาย ด้วยลักษณะนิสัยที่มีมิติความเป็นมนุษย์อยู่มากเช่นนี้ จึงทำให้ตัวละครนี้สามารถเข้าไปอยู่ในใจของคนทั่วโลกได้ไม่ยาก โนบิตะหลงรักชิซุกะ ซึ่งอยู่ในวัยเดียวกัน มีความหวังที่จะได้แต่งงานด้วยเมื่อเขาโตขึ้น แต่ก็มักจะมีอุปสรรค และมีคู่แข่งหลายคนโดยเฉพาะเดคิสุงิ เนื่องจากชิซุกะ เป็นเด็กน่ารัก และด้วยความอ่อนแอของโนบิตะเอง แต่โนบิตะ ได้เพื่อนรักคือโดเรมอนคอยช่วยเหลือ จากการโดนกลั่นแกล้งของไจแอนท์ และซูเนโอะทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้น
มินาโมโตะ ชิซุกะ
มินาโมโตะ ชิซุกะ เด็กสาวที่น้ำใจดี เป็นที่รักของทุกคน ชอบการอาบน้ำเป็นชีวิตจิตใจ และชอบกินมันเผาเป็นพิเศษ
มินาโมโตะ ชิซุกะ
(Minamoto Shizuka ? มินาโมโตะ ชิซุกะ) ตัวละครการ์ตูนจากเรื่องโดราเอมอน เกิดวันที่ 5 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2507 กรุ๊ปเลือด O (แต่จากข้อมูลใน ‘โดราเอมอนเฮียคคะ’? ที่แต่งโดยโยจิ คาตาคุระ ได้บอกไว้ว่าเกิดวันที่ 2 ธันวาคม)
ชิซุกะเป็นเด็กผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม อาจจะเรียกได้ว่าเป็นนางเอกของการ์ตูนโดราเอมอน ปกติจะใส่เสื้อชมพู กระโปรงสั้นสีชมพู มีนิสัยใจดี มีความกระตือรือร้น เก่งเรื่องวาดภาพ เย็บปักถักร้อย เรียบร้อย โอมอ้อมอารี และการทำคุกกี้ แต่ที่ชอบที่สุดคือ’การอาบน้ำ’ ซึ่งทำให้ในเรื่องมักจะมีฉากตอนที่เจอชิซุกะกำลังอาบน้ำโดยไม่ได้บังเอิญ หลายหน สิ่งเดียวที่ไม่เก่งและชอบคือ ‘ไวโอลิน’ ซึ่งเสียงไวโอลินของชิซุกะนั้น เทียบเท่ากับเสียงร้องเพลงของ ไจแอนท์ เลยทีเดียว
ชิซุกะเป็นที่หมายปองของเด็กชายในห้องเรียน โนบิตะมีความฝันที่จะได้แต่งงานกับเธอในอนาคต ชิซุกะ ชอบทานแพนเค้กมาก ดังจะเห็นได้จากตอนพิเศษหลายๆ ตอน ชิซุกะจะทานแต่แพนเค้กเสียส่วนใหญ่ แต่จริงๆ แล้วอาหารที่เธอชื่นชอบที่สุดคือ ‘มันเผา’ ซึ่ง ชิซุกะนั้นมีความใฝ่ฝันที่จะได้กินมันเผากองโตเท่าภูเขา แต่นี่ก็เป็นความลับที่ชิซุกะไม่อยากให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ รู้ เพราะความอาย
โกดะ ทาเคชิ (ไจแอนท์)
โกดะ ทาเคชิ หรือฉายาว่า ไจแอนท์ เด็กอ้วน หัวโจกประจำกลุ่มชอบแกล้งโนบิตะอยู่เสมอ แต่ก็มีหลายครั้งที่แสดงความผูกพันกับโนบิตะ ฝันอยากจะเป็นนักร้อง
โกดะ ทาเคชิ (Goda Takeshi? ? โกดะ ทะเคะชิ) หรือ ไจแอนท์ ตัวละครการ์ตูนจากเรื่องโดราเอมอน? ทาเคชิ หรือที่เพื่อน ๆ เรียกกันในกลุ่มว่า ไจแอนท์ เป็นตัวละครหลักของเรื่องเกิดวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2506 (ค.ศ. 1963) กรุ๊ปเลือด B เป็นลูกผู้ชายร้านขายผัก มีรูปร่างใหญ่ แข็งแรง หูเบา ชอบรังแกโนบิตะเสมอๆ แต่ถึงเวลาจำเป็นเขาก็มักช่วยคนอื่น ลึกๆ แล้วจิตใจของเขาเป็นคนโอบอ้อมอารี ไจแอนท์มักจะแย่งหนังสือการ์ตูน กับของเล่มของเพื่อนเป็นประจำ มีสุภาษิตประจำตัวที่มาจากสุภาษิตอังกฤษว่า ‘ของๆ นายก็เหมือนของๆ ฉัน ของๆ ฉันก็คือของๆ ฉัน’ (What’s yours is
mine, and what’s mine is mine.)
นอกจากนั้นไจแอนท์ยังเป็นหัวหน้าทีมเบสบอลในละแวกหมู่บ้านและรักเบสบอล มาก ๆ มักจะบังคับโนบิตะ มาเข้าร่วมทีมเสมอ เพราะว่าทีมขาดคน ไจแอนท์มีน้องสาวที่เขารักมาก ชื่อ ไจโกะ เขาเป็นคนที่กลัวมากที่สุดคือแม่ของเขาเอง ในเรื่องการเรียน ไจแอนท์เรียนไม่เก่งกว่าซูเนโอะ แต่ก็ยังเรียนได้ดีกว่า โนบิตะ เขาชอบร้องเพลงมาก แต่เสียงไม่เอาไหน มักจะบังคับให้เพื่อนมาฟังคอนเสิร์ตของเขาเสมอๆ อีกทั้งไจแอนท์ยังอยากเป็นพ่อครัว แต่ฝีมือทำอาหารของไจแอนท์ก็ไม่เอาไหนไม่ต่างจากการร้องเพลงเลย
ถึงแม้ดูภายนอกไจแอนท์จะดูเป็นเด็กอันธพาล ชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่า แต่จริงๆ แล้ว ไจแอนท์เป็นเด็กที่อ่อนไหวง่าย ไม่ว่าจะโกรธ ดีใจ หรือ เสียใจ ก็จะแสดงความรู้สึกออกมาทันที อีกทั้งยังเป็นคนที่รักพวกพ้อง ในตอนพิเศษหลายๆ ตอน เมื่อถึงเวลาคับขัน ไจแอนท์จะเป็นคนที่กระโดดเข้าไปช่วยเหลือเพื่อนของตนโดยไม่ลังเล ซึ่งส่วนใหญ่จะมีให้เห็นในโดราเอมอนฉบับภาพยนตร์
โฮเนะคาวา ซูเนโอะ
โฮเนะคาวา ซูเนโอะ (Honekawa Suneo ? โฮะเนะคาวา ซุเนะโอะ) ตัวละครการ์ตูนจากเรื่องโดราเอมอน เกิดเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2508 (วันเกิดไม่ทราบแน่ชัด แต่ในช่วงแรกได้กำหนดให้เกิดในปี พ.ศ. 2506) กรุ๊ปเลือด AB
ซูเนโอะ เป็นตัวละครหลักของเรื่องที่ถูกออกแบบให้มีลักษณะเจ้าเล่ห์ คล้ายๆ สุนัขจิ้งจอก ปากแหลม ชอบยุให้ไจแอนท์ รังแกโนบิตะ ซูเนโอะเป็นคนที่ชอบคุยโวโอ้อวด เนื่องจากเป็นคนมีฐานะร่ำรวยเชี่ยวชาญด้านการเล่นมายากลและหมุนจาน สิ่งที่เพื่อนๆ อยากได้ เขามีครบทุกอย่าง เป็นนักสะสมของเล่น มักมีของแพงๆ มาอวดเพื่อนๆ มักจะหาเรื่องแกล้งโนบิตะบ่อยๆ มีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักออกแบบเสื้อผ้า มีน้องชายชื่อ สเน็ก (Sunetsugu ? ซูเนสึกุ)
อยู่ในการอุปการะของคุณลุงของเขาเองที่ นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา
ในบางตอน ซูเนโอะ แสดงความหลงตัวเองให้เห็น ด้วยการชอบส่องกระจกและชมเชยตัวเองว่าเป็น ชายที่หล่อที่สุดในโลก เนื่องจากเขามีรูปร่างที่เล็กที่สุดในกลุ่ม จึงรู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นปมด้อยของเขาอยู่ตลอด จึงพยายามที่จะกลบปมด้อยนั้นโดยการชอบคุยโม้โอ้อวดฐานะทางบ้านอยู่เสมอ ความลับอย่างหนึ่งของซูเนโอะที่ไม่อยากให้ใครรู้คือ มักปัสสาวะรดที่นอน ถึงแม้ว่าจะโตจนเรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 4 แล้วก็ตาม ซูโนโอะจึงต้องใส่ผ้าอ้อมก่อนนอน ซูเนโอะเป็นคนที่ติดแม่มากๆ เพราะแม่ของซูเนโอะค่อนข้างเลี้ยงอย่างตามใจ และมักจะเรียกซูเนโอะว่า ‘คุณซูเนโอะ’ ในโดราเอมอนฉบับภาพยนตร์หลาย ๆ ตอน เมื่อเจอเหตุการณ์ที่เลวร้าย ซูเนโอะมักจะเป็นคนแรกที่ร้องไห้หาแม่ก่อนใครๆ
เคยมีการตั้งข้อสังเกตว่าบ้านซูเนโอะนั้นรวยจริงหรือ เพราะในทุกตอนที่บ้านซูเนโอะไปเที่ยวตากอากาศที่ฮาวาย มักประสบปัญหาบังกะโลหลังคารั่วบ้าง เรือยอชจ์เสียบ้าง รถเสียบ้าง และพ่อหรือแม่ของซูเนโอะที่อยู่ในเหตุการณ์นั้น มักบ่นออกมาว่า’ของถูกๆก็อย่างนี้แหละ’ ซึ่งทำให้อดคิดไม่ได้ว่าจริงๆแล้วบ้านโฮเนคาวารวยจริงหรือไม่?
เดคิซุงิ
เดคิซุงิเป็นเด็กชายที่ตรงกันข้ามกับโนบิตะทุกเรื่อง เป็นเด็กที่เรียกว่าเก่งรอบตัว ได้ที 1 ทั้เรื่องเรียน และกีฬา แถมยังนิสัยดีมากอีกด้วย และยังเป็นที่ชื่นชอบของสาว ๆ เดคิซุงิเป็นเพื่อนที่ดีของชิซูกะ และชิซูกะก็ชอบไปเรียนพิเศษกับเดคิซุงิเสมอ ทำให้โนบิตะอิจฉาและกลัวว่าในอนาคตชิซูกะจะเปลี่ยนใจแต่งงานกับเดคิซุงิแทนวันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2559
เครื่องดนตรีสากล
ประเภทของเครื่องดนตรีสากล
การจำแนกประเภทของเครื่องดนตรีสากล(music Instruments)
เครื่องดนตรีสากลในปัจจุบันสามารถจำแนกหรือจัดเป็นประเภทใหญ่ๆ
ตามลักษณะของเสียงที่คล้ายคลึงกัน และลักษณะของเครื่องดนตรี แบ่งออกเป็น 5 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้
เครื่องสาย (String Instruments)
เครื่องลมไม้ (Woodwind Instruments)
เครื่องลมทองเหลือง (Brass Instruments)
เครื่องลิ่มนิ้ว (Keyboard Instruments)
เครื่องกระทบ (Percussion Instruments)
เครื่องสาย (string instrument) เป็นการจัดประเภทของเครื่องดนตรีสากล
โดยเครื่องดนตรีสากลประเภทเครื่องสายนี้ หมายถึง
เครื่องดนตรีที่ทำให้เกิดเสียงโดยการสั่นสะเทือนของสายลวด เชือก เอ็น หรือไนลอน
และมีตัวกำธรเสียง ทำหน้าที่ขยายเสียงให้ดังมากขึ้น คุณภาพของเสียงขึ้นอยู่กับรูปร่าง
และวัตถุที่ใช้ทำ การสั่นสะเทือนของสายอาจทำได้โดยการสี หรือดีดโดยอาจกระทำโดยตรง
หรือเพิ่มกลไกให้ยุ่งยากขึ้น เครื่องสายที่พบเห็นในปัจจุบัน
นิยมใช้วิธีทำให้เกิดเสียงได้ 2 วิธี คือ วิธีสี และวิธีดีด
เครื่องสายประเภทใช้คันสี เครื่องดนตรีกลุ่มนี้ได้แก่
1.ไวโอลิน (Violin) เครื่องดนตรีที่ใช้เล่นท่วงทำนอง ประกอบด้วยสาย 4 สาย
แต่ละสายเทียบเสียงห่างกันคู่ 5 เพอร์เฟค คือ เสียง G-D-A-E
2.วิโอลา (Viola) มีรูปร่างเหมือนไวโอลินทุกประการ แต่มีขนาดใหญ่กว่าไวโอลิน
ตั้งเสียงต่ำกว่าไวโอลินลงไปอีกคู่ 5 เพอร์เฟค คือ C-G-D-A
มีเสียงทุ้มและนุ่มนวลกว่าไวโอลิน
3.เชลโล (Cello) มีรูปร่างเหมือนไวโอลินและวิโอลา แต่มีขนาดโตกว่ามาก
ขณะเล่นต้องนั่งเก้าอี้ เอาเครื่องไว้ระหว่างขาทั้งสองข้าง เสียงต่ำกว่าวิโอลา 1
ช่วงคู่ 8 คือ C-G-D-A
4.ดับเบิลเบส
(Double Bass) เป็นเครื่องที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตระกูลไวโอลิน
ผู้บรรเลงต้องยืนเล่น เสียงของดับเบิลเบส ต่ำสุดแสดงถึงความมีอำนาจ ความกลัว
ความลึกลับ สายทั้งสี่ตั้งเสียงห่างกันเป็นคู่ 4 เพอร์เฟค
คือ E-A-D-G
เครื่องสายประเภทเครื่องดีด (Plucked String) เครื่องดนตรีกลุ่มนี้ได้แก่
1.ฮาร์พ
(Harp) เป็นพิณโบราณขนาดใหญ่
มีประวัติเก่าแก่มาก มีสายขึงอยู่ทั้งหมด 47 สาย ช่วงเสียงกว้าง 6 Octaves ใช้บรรเลงในวงดนตรีประเภทออร์เคสตรา
2.กีตาร์ (Guitar) กีตาร์ประกอบด้วยสาย 6 สาย
โดยตั้งระดับเสียงต่ำไปหาสูง ในแต่ละสายดังนี้ E,A,D,G,B,E
3.ลูท (Lute) เป็นพิณชนิดหนึ่งที่เป็นต้นกำเนิดของเครื่องสายประเภทดีด
มีรูปทรงเหมือนผลส้มผ่าซีก มีสะพานวางนิ้วที่มีช่องปรากฏอยู่ เช่นเดียวกับกีตาร์
แบนโจ แมนโดลิน ฯลฯ ชาวอาหรับโบราณนิยมกันมากแต่ปัจจุบันนี้ไม่ได้รับความนิยม
4.แมนโดลิน (Mandolin) เป็นเครื่องดนตรีตระกูลลูท มีสาย 4 คู่ (8สาย) หรือ 6 คู่ (12สาย)
ตั้งเสียงเท่ากันเป็นคู่ มีลูกบิดคล้ายกีตาร์ใช้ในการตั้งเสียง และมีนม (Feat)
รองรับสาย เวลาเล่นจะใช้นิ้วมือซ้ายจับตัวแมนโดลินและใช้มือขวาดีด
5.แบนโจ เป็นเครื่องดนตรีในตระกูลลูท
จุดเริ่มต้นที่มีผู้นำมาเล่นอยู่ในแถบแอฟริกาตะวันตก (Western Africa) เป็นเครื่องดนตรีพื้นบ้านของพวกนิโกร ต่อมาจึงเป็นที่แพร่หลายในหมู่อเมริกันนิโกร
วิธีการเล่นคล้ายกับกีตาร์
เครื่องเป่าลมไม้ (Woodwind Instruments) เป็นการจัดประเภทเครื่องดนตรีสากล
โดยเครื่องดนตรีประเภทเครื่องเป่าลมไม้นี้ แม้ตัวของเครื่องดนตรี
อาจทำจากวัสดุต่างๆ มากมาย แต่ส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดเสียง คือ ลิ้น (Reed) ซึ่งทำมาจากไม้ จึงได้ชื่อว่า เครื่องเป่าลมไม้นั่นเอง เครื่องเป่าลมไม้แบ่งได้อย่างกว้าง
ๆ เป็น 2 ประเภทคือ
1. ประเภทเป่าลมเข้าไปในรูเป่า (Blowing
into a tube)
1.1 ประเภทเป่าตรงปลาย
1. ขลุ่ยรีคอร์เดอร์ (Recorder)
เป็นเครื่องเป่าดนตรีสากลจัดอยู่ในประเภทเครื่องเป่าลมไม้ชนิดไม่มีลิ้น
เป็นเครื่องดนตรีที่มีขนาดเล็ก โครงสร้างที่ไม่ซับซ้อน
1.2 ประเภทเป่าลมเข้าทางด้านข้าง
1. ฟลูต
(Flute) เป็นเครื่องดนตรีที่เก่าแก่ที่สุดชนิดหนึ่งที่มีพัฒนาการมาจากมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ที่คิดใช้กระดูกสัตว์หรือเขาของสัตว์ที่เป็นท่อกลวงหรือไม่ก็ใช้ปล้องไม้ไผ่มาเจาะรูแล้วเป่า
ให้เกิดเสียงต่าง ๆ วัตถุนั้นจึงเป็นต้นกำเนิดของเครื่องดนตรีประเภทขลุ่ย
ฟลูตเป็นขลุ่ยเป่าด้านข้าง มีความยาว 26 นิ้วมีช่วงเสียงตั้งแต่
C กลางจนถึง C สูงขึ้นไปอีก 3 ออคเทฟ
เสียงแจ่มใสจึงเหมาะสำหรับเป็นเครื่องดนตรีประเภทเล่นทำนองใช้เลียนเสียงนกเล็ก ๆ
ได้ดีและเสียงต่ำของฟลูตจะให้เสียงที่ นุ่มนวล
2. ปิคโคโล
(Piccolo) เป็นขลุ่ยขนาดเล็กมีลักษณะเช่นเดียวกับฟลูตแต่เล็กกว่าทำมาจากไม้
หรืออีบอร์ไนท์ แต่ปัจจุบันทำด้วยโลหะ ยาวประมาณ 12 นิ้ว
เสียงเล็กแหลมชัดเจน แม้ว่าจะเป่าเพียง เครื่องเดียว พิคโคโลเล่นได้ดีเป็นพิเศษโดยเฉพาะการทำเสียงรัว
(Trillo) และการบรรเลงเดี่ยว (Solo)
2. ประเภทเป่าลมให้ผ่านลิ้นของเครื่องดนตรี
(Blowing through a reed)
2.1 ประเภทลิ้นเดี่ยว (Single reed)
1. คลาริเนต
เป็นเครื่องดนตรีที่รู้จักกันแพร่หลายกว่าเครื่องอื่น
ๆ ในบรรดาเครื่องลมไม้ด้วยกัน คลาริเนตเป็นเครื่องดนตรีที่ใช้ได้ในวงดนตรีเกือบทุกประเภท
และเป็นเครื่องดนตรีที่ำสำคัญในวงออร์เคสตรา วงโยธวาทิต และวงแจ๊ส
2. แซกโซโฟน ( ) เป็นเครื่องดนตรีในตระกูลเครื่องลมไม้ ใช้ลิ้นเดี่ยวเหมือนของคลาริเนต แม้ว่าตัวเครื่องมักจะทำด้วยโลหะแต่สุ้มเสียงก็กระเดียดมาทางเครื่องลมไม้ แซกโซโฟนจึงได้รับฉายาว่า “คลาริเนตทองเหลือง” (brass clarinet)
2.2 ประเภทปี่ลิ้นคู่ (Double reed)
1. โอโบ () ที่ใช้ในปัจจุบันนี้มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ใช้ในการแสดงโอเปร่าฝรั่งเศส
เรียกว่า “Hautbois” หรือ “Hoboy” ในศตวรรษที่
18 โอโบใช้เป็นเครื่องดนตรีหลักในวงออร์เคสตร้า
เป็นเครื่องดนตรีเสียงสูงในกลุ่มเครื่องลมไม้ ซองในขณะนั้นมีรูปิดเปิดเพียง 2-
3 รูเท่านั้น ในศตวรรษที่ 19 โอโบได้พัฒนาในเรื่องระบบกลไก
คีย์ กระเดื่อง สำหรับปิดเปิดรู เพื่อเปลี่ยนระดับเสียงให้เล่นสะดวกมากขึ้น
จนในที่สุดโอโบ คือ เครื่องดนตรีหลักที่จะต้องมีใน วงออร์เคสตร้า
2. คอร์
แองเกลส์ (Cor Anglais or English horn) เป็นปี่ตระกูลเดียวกับโอโบแต่มีขนาดใหญ่กว่า
และมีรูปร่างที่แตกต่างไปจากโอโบ ระดับเสียงต่ำกว่าโอโบและเวลาเล่นจะต้องมีสายติดกับลำตัวปี่โยงไปคล้องคอผู้เล่นเพื่อพยุงน้ำหนักของปี่
ปี่ชนิดนี้มีลำตัวยาวกว่าปี่โอโบ ดังนั้นเพื่อง่ายต่อการเป่า
ส่วนที่ต่อจากที่เป่า(ลิ้น) กับลำตัวปี่จึงต้องงอโค้งเป็นมุมและเกิดคำว่า “อองเกล
(Angle)” ขึ้น ต่อมาคำนี้ได้เพี้ยนไปกลายเป็นอองแกลส์ (Anglais)
ในภาษาฝรั่งเศส ซึ่งตรงกับภาษาอังกฤษว่า English ส่วนคำว่า “คอร์” (Cor) ในภาษาฝรั่งเศส
ซึ่งตรงกับภาษาอังกฤษว่า ฮอร์น (Horn)
3. บาสซูน
เป็นปี่ขนาดใหญ่ใช้ลิ้นคู่เช่นเดียวกับโอโบ
รูปร่างของบาสซูนค่อนข้างจะประหลาดกว่าปี่ชนิดอื่น ๆ ได้รับฉายาว่าเป็น
“ตัวตลกของวงออร์เคสตรา” (The Clown of the Orchestra) ทั้งนี้เพราะเวลาบรรเลงเสียงสั้น
ๆ ห้วน ๆ (Staccato) อย่างเร็ว ๆ จะมีเสียงดัง ปูด…ปู๊ด…
คล้ายลักษณะท่าทางของตัวตลกที่มีอากัปกริยากระโดดเต้นหยอง ๆ ในโรงละครสัตว์
เครื่องลมทองเหลือง
(Brass Instruments) เครื่องดนตรีประเภทนี้มักทำด้วยโลหะผสมหรือโลหะทองเหลือง
เสียงของเครื่องดนตรีประเภทนี้เกิดจากการเป่าผ่านท่อโลหะ
ความสั้นยาวของท่อโลหะทำให้ระดับเสียงเปลี่ยนไป
การเปลี่ยนความสั้นยาวของท่อโลหะจะใช้ลูกสูบเป็นตัวบังคับ
เครื่องดนตรี บางชนิดจะใช้การชักท่อลมเข้าออก
เปลี่ยนความสั้นยาวของท่อตามความต้องการ ลักษณะเด่นของเครื่องดนตรีประเภทนี้
มีปากลำโพงสำหรับใช้ขยายเสียงให้มีความดังเจิดจ้า
เรามักเรียกเครื่องดนตรีประเภทนี้รวมๆ กันว่า “แตร” ขนาดของปากลำโพงขึ้นอยู่กับขนาดของเครื่องดนตรี
ปากเป่าของเครื่องดนตรีประเภทนี้เรียกว่า “กำพวด” (Mouthpiece) ทำด้วยท่อโลหะ ทรงกรวย ด้านปากเป่ามีลักษณะบานออก คล้ายรูปกรวย
มีขนาดต่างๆ กัน ตามขนาดของเครื่องดนตรีนั้นๆ ปลายท่ออีกด้านหนึ่งของกำพวด
ต่อเข้ากับท่อลมของเครื่องดนตรี
1. คอร์เนต (Cornet) ลักษณะคล้ายกับทรัมเปตแต่ลำตัวสั้นกว่า คุณภาพของเสียงมีความนุ่มนวล
กลมกล่อม เสียงสดใสน้อยกว่าทรัมเป็ท
คอร์เน็ทนำมาใช้ในวงออร์เคสตร้าเป็นครั้งแรกเมื่อประมาณ ค.ศ. 1829 ในการแสดงโอเปร่า ของ Rossini เรื่อง William
Tell ในปัจจุบันคอร์เน็ทเป็นเครื่องดนตรีสำคัญสำหรับวงโยธวาทิตและแตรวง
2. ทรัมเป็ต (trumpet) เป็นเครื่องดนตรีสากลในกลุ่มเครื่องลมทองเหลือง(แตร) ประเภทเสียงสูง (high
brass) เช่นเดียวกับเฟรนช์ฮอร์น
กำเนิดเสียงโดยอาศัยลมจากการเป่าของผู้เล่นทำให้เกิดการสั่นสะเทือนของริมฝีปาก โดยทั่วไปมีปุ่มกด
(valve) 3 อัน เรียงอยู่ในระนาบเดียวกัน
มีทั้งที่เคลือบผิวด้วยทอง, เงิน, นิกเกิล,
และแลกเกอร์
3. เฟรนช์ฮอร์น (French
Horn) คือ เครื่องเป่าทองเหลือง ท่อลมเป็นทรงกรวย
ขยายออกไปตลอด ปลายท่อจะบานออกเป็นลำโพงอย่างกว้าง ท่อลมจะขดเป็นวงกลม เฟรนช์ฮอร์น
พัฒนามาจากการเป่าเขาสัตว์เพื่อใช้บอกสัญญาณต่างๆ เสียงของเฟรนช์ฮอร์น
จึงเหมือนกับเสียงที่เกิดจากกการเป่าเขาสัตว์ คุณภาพของเสียงเฟรนช์ฮอร์น
โปร่งเบาและมีความนุ่มนวลกังวาน เฟรนช์ฮอร์น
ในยุคแรกไม่มีนิ้วกดเล่นเสียงได้จำกัดใช้สำหรับการล่าสัตว์
4. ทรอมโบน (Trombone) เป็นเครื่องดนตรีสากลประเภทเครื่องเป่าทองเหลือง
มีคันชักใช้สำหรับเปลี่ยนระดับเสียง โดยมากจะใช้ในวงโยธวาทิต วงดนตรีลูกทุ่ง
รวมทั้งวงซิมโฟนีออร์เคสตรา ในวงดนตรี
ทรอมโบนจะทำหน้าที่ประสานเสียงในกลุ่มแตรด้วยกัน
5. ยูโฟเนียม (euphonium) คือ เครื่องดนตรีประเภทเครื่องเป่าทองเหลือง
ลักษณะเสียงของยูโฟเนียมจะนุ่มนวล ทุ้มลึก และมีความหนักแน่นมาก
สามารถเล่นในระดับเสียงต่ำได้ดี บางครั้งนำไปใช้ในวงออร์เคสตร้าแทนทูบา
คำว่า”ยูโฟเนียม” มาจากภาษากรีกหมายถึง ”เสียงดี”
ลักษณะทั่วไปของยูโฟเนียมเหมือนกับเครื่องเป่าทองเหลืองทั่วไป จะมีลูกสูบ 3
– 4 ลูกสูบมีกำพวดเป็นรูปถ้วย ท่อลมกลวงบานปลายเป็นลำโพงเสียง
มีเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งชื่อ “บาริโทน” มีเสียงใกล้เคียงกับยูโฟเนียม
แต่ท่อลมมีขนาดเล็กกว่า เสียงของบาริโทนจะมีความห้าวมากกว่ายูโฟเนียม
พบว่าบ่อยครั้งที่มีการเรียกชื่อสลับกันระหว่างยูโฟเนียมและบาริโทน
6. ทูบา (tuba) เป็นเครื่องดนตรีตระกูล แซ็กฮอร์น ทูบามีท่อลมขนาดใหญ่
และมีความยาวตั้งแต่ 9 ,12,14,16 และ 18 ฟุต แล้วแต่ขนาด มีช่วงเสียงกว้าง 3 ออคเทฟ เศษ ๆ
ท่อลมเป็นทรงกรวย เช่นเดียวกับฮอร์น ส่วนกลางลำตัวติดลูกสูบบังคับเสียง 3 อัน หรือ 4 อัน ส่วนตรงปลายท่อ บานเป็นลำโพง
กำพวดเป็นโลหะรูปถ้วย เสียงของทูบาต่ำ ลึกนุ่มนวล ไม่แตกพร่า
เสียงต่ำมากที่เรียกว่า “พีเดิล โทน” (pedal tones) นั้นมีคุณสมบัติเฉพาะตัวปกติแตรทูบาทำหน้าที่เป็นแนวเบส
ให้แก่กลุ่มเครื่องลมทองเหลือง
7. ซูซ่าโฟน (Sousaphone) เป็นเครื่องลมทองเหลืองที่ใหญ่ที่สุด เป็นเครื่องดนตรีประเภทเดียวกับทูบา
ลักษณะของเสียงจะต่ำทุ้มลึก เหมาะที่จะบรรเลงในแนวเสียงเบสมากกว่าแนวอื่น
ชื่อซูซ่าโฟน ตั้งขึ้นเพื่อให้เกียรติกับ จอห์น ฟิลิป ซูซ่า (John
Philip Sousa) นักประพันธ์เพลงผู้ควบคุมวงดนตรีที่มีชื่อเสียงของอเมริกา
เครื่องลิ่มนิ้ว
(Keyboard Instruments) เครื่องดนตรีสากลในกลุ่มนี้มักนิยมเรียกทับศัพท์ในภาษาอังกฤษว่า“เครื่องดนตรีประเภทคีย์บอร์ด”
ลักษณะเด่นของเครื่องดนตรีที่อยู่ในกลุ่มนี้ก็คือมีลิ่มนิ้วสำหรับกดเพื่อปรับเปลี่ยนระดับเสียงดนตรี
ลิ่มนิ้วสำหรับกดเรียกว่า “คีย์ (Key)” เครื่องดนตรีแต่ละชนิดมีจำนวนคีย์ไม่เท่ากันโดยปกติสีของคีย์เป็นสีขาวกับดำ
คีย์สีดำโผล่สูงขึ้นมามากกว่าคีย์สีขาว
1. เปียโน(piano) เป็นเครื่องดนตรีขนาดใหญ่ที่สร้างเสียงเมื่อคีย์ถูกกดและกลไกภายในเครื่องตีสาย
คำว่าเปียโนเป็นตัวย่อของคำว่า ปีอาโนฟอเต(pianoforte)-ออกเสียงว่า
(ปี-อ๊า-โน่-ฟอ-เต้) ซึ่งเป็นคำภาษาอิตาเลียนที่แปลว่า “เบาดัง”
มาจากความสามารถของเปียโนที่จะปรับความดังเบาตามแรงที่กดคีย์
แกรนด์เปียโน
อัพไลท์เปียโน
2. ออร์แกน (organ) เป็นเครื่องดนตรีตะวันตก
ออร์แกนมีประวัติในการประดิษฐ์ที่ยาวนานมาตั้งแต่สมัยโรมัน
และมีความสำคัญควบคู่มากับศาสนาคริสต์เลยทีเดียว คำว่า Organ นั้น ก็มาจากภาษาละติน Organum ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้เรียกเครื่องดนตรีชนิดหนึ่ง
ที่มีชื่อว่า Hydraulis ต้นกำเนิดเสียงของออร์แกนมาจากลม
ซึ่งมีแหล่งกำเนิดหลายวิธีซึ่งในสมัยโบราณก็ต้องใช้แรงคนในการผลิตลม
เมื่อลมถูกบังคับให้ไหลผ่านท่อที่มีขนาดต่างๆกันก็จะเกิดเสียงที่มีความถี่แตกต่างกัน
ท่อที่ใช้ในการสร้างออร์แกนนั้น อาจจะเป็นไม้ หรือโลหะ ก็ได้
ซึ่งจะส่งผลให้มีเสียงที่แตกต่างกัน และออร์แกนหนึ่งเครื่อง สามารถทำเสียงต่าง ๆ
ได้เท่า ๆ กับเครื่องดนตรีหลายชิ้นมารวมกัน ดังนั้น
ออร์แกนจึงสามารถเล่นได้ทั้งแนวทำนอง และแนวเดินเบส
โดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องดนตรีอื่นใด ดังนั้น ในสมัยก่อนนั้น
ออร์แกนจึงถือเป็นเครื่องดนตรีที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในบรรดาเครื่องดนตรีทั้งปวง
3. ฮาร์ปซิคอร์ด(Harpsichord) เป็นเครื่องดนตรีตะวันตก ในยุคบาโรค ประเภทเครื่องดีด
โดยมีการพัฒนามาจากเครื่องดนตรีประเภทพิณ และกีตาร์
กลไกการเกิดเสียงจะใช้การเกี่ยวดึงสายโลหะซึ่งมีขนาด
และความยาวแตกต่างกันเพื่อให้ได้เสียงความถี่ต่างๆ การเล่นเครื่องดนตรีนี้จะใช้
คีย์บอร์ด (Keyboard) ในการสร้างกลไกในการดึงสาย
โดยผู้เล่นสามารถเลือกกดบนแป้นคีย์บอร์ด ซึ่งจะคล้ายคลึงกับการเล่น เปียโน(Piano)
แต่จะมีคีย์บอร์ดสองชั้น เหมือน ออร์แกน (Organ) ผู้เล่นไม่สามารถปรับความดังของเสียงได้ด้วยน้ำหนักของการกดคีย์บอร์ด
แต่สามารถใช้กลไกอื่นช่วยในการสร้างความแตกต่างของคุณภาพเสียง (Acrustic
Quality)
4. คลาวิคอร์ด (clavichord) เป็นเครื่องดนตรีที่มีลักษณะคล้ายเปียโน เป็นเครื่องดนตรีประเภทลิ่มนิ้ว (Keybroad
instruments) ในยุคแรก ๆ ประเภทเกิดเสียงได้
จากการดีดโดยมีสายเสียงที่ขึงไปตามส่วนรูปของกล่องไม้สี่เหลี่ยม กว้างประมาณ 2
ฟุต ยาวประมาณ 4 ฟุต มีแถวของลิ่มนิ้วประมาณ 3
อ็อกเทฟ ส่วนปลายสุดของคีย์จะมีกลไกการงัดหรือแตะของลิ่มทองเหลืองเล็ก
ๆ
เมื่อผู้เล่นกดคีย์ลงไปลิ่มทองเหลืองนี้ก็จะยกขึ้นและตีไปที่สายเสียงเพื่อทำให้เกิดเสียง
แคลฟวิคอร์ดเป็นเครื่องดนตรีประเภทลิ่มนิ้วประเภทแรกที่สามารถเล่นได้ทั้งเบาและดังโดยเปลี่ยนแปลงน้ำหนักการกดคีย์
เสียงที่ได้จากแคลฟวิคอร์ดมีความไพเราะและนุ่มนวล
5. แอคคอร์เดียน (Accordion) เป็นเครื่องดนตรีประเภทลิ่มนิ้วเช่นเดียวกับเปียโนเสียงของ
แอคคอร์เดียนเกิดจากการสั่นสะเทือนของลิ้นทองเหลืองเล็ก ๆ
ภายในตัวเครื่องอันเนื่องมาจากการเล่น ผ่านเข้า – ออกของลมซึ่งต้องใช้แรงของผู้เล่นสูบเข้า
– ออก
เครื่องกระทบ
(Percussion Instruments) เครื่องดนตรีประเภทเครื่องกระทบ
ได้แก่ เครื่องดนตรีที่เกิดเสียงจากการตี การสั่น การเขย่า การเคาะ หรือการขูด
การตีอาจจะใช้ไม้ตีหรืออาจจะใช้สิ่งหนึ่งกระทบเข้ากับอีกสิ่งหนึ่งเพื่อทำให้เกิดเสียง
เครื่องกระทบประกอบขึ้นด้วยวัสดุที่เป็นของแข็งหลายชนิด เช่น โลหะ ไม้
หรือแผ่นหนังขึงตึง แบ่งออกเป็น2ประเภท ได้แก่
1. เครื่องดนตรีที่มีระดับเสียงแน่นอน
(Definite Pitch Instruments) เครื่องดนตรีกลุ่มนี้มีระดับเสียงสูงต่ำเหมือนกับเครื่องดนตรีประเภทอื่น
เกิดเสียงโดยการตีกระทบ ส่วนใหญ่ตีกระทบเป็นทำนองเพลงได้
1.ไซโลโฟน (Xylophone) เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องกระทบ(Percussion
Instruments) ชนิดที่มีระดับเสียงแน่นอน (Definite Pitch) เป็นระนาดไม้ขนาดเล็กของดนตรีตะวันตก ลักษณะทั่วไปจะคล้ายกับมาริมบา
หรือไวบราโฟน แต่ไวบราโฟนทำจากโลหะ และมีขนาดใหญ่กว่าไซโลโฟน
ลูกระนาดของไซโลโฟนทำด้วยไม้เนื้อแข็ง เช่น โร้สวูด เป็นต้น
จัดเรียงลำดับเสียงตามบันไดเสียงโครมาติก (Chromatic) เช่นเดียวกับเปียโนหรือออร์แกน
ใต้ลูกระนาดมีท่อโลหะติดอยู่เพื่อเป็นตัวขยายเสียง คาดว่ามีต้นกำเนิดมาจากแอฟริกา
และเอเชีย
2. ไวบราโฟน (Vibraphone) เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องตีกระทบ(Percussion
Instruments)ชนิดที่มีระดับเสียงแน่นอน (Definite Pitch) เป็นระนาดโลหะขนาดใหญ่ ลักษณะทั่วไปคล้ายกับมาริมบาหรือไซโลโฟน
ใต้ลูกระนาดมีท่อโลหะเพื่อเป็นตัวขยายเสียง มีแกนใบพัดเล็กๆ
ประจำอยู่แต่ละท่อ ใช้ระบบมอร์เตอร์หมุนใบพัดทำให้เกิดคลื่นเสียงสั่นรัว
ดังก้องกังวาลอย่างต่อเนื่อง
3. มาริมบา(Marimba) เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องตีกระทบ(Percussion Instruments)ชนิดที่มีระดับเสียงแน่นอน (Definite Pitch) ลักษณะเหมือนกับระนาดไม้ขนาดใหญ่
ลูกระนาดทำด้วยไม้พิเศษที่มีชื่อว่า “rosewood” ใต้ลูกระนาดจะมีท่อโลหะติดอยู่เพื่อเป็นตัวขยายเสียง
4. ระฆังราว(Tubular
Bells) ทำด้วยท่อโลหะแขวนเรียงตามลำดับเสียงจากสูงไปต่ำ
แขวนกับโครงโลหะในแนวดิ่ง ใช้ไม้ตีที่ปลายท่อด้านหัวจะเกิดเป็นเสียงเหมือนระฆัง
5. กลองทิมปานี(Timpani) เป็นกลองที่มีลักษณะเหมือนกระทะหรือกาต้มน้ำ
จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Kettle Drum ตัวกลองทำด้วยโลหะทองแดง
ตั้งอยู่บนขาหยั่ง กลองทิมปานีมีระดับเสียงแน่นอนเทียบเท่ากับเสียงเบส
มีเท้าเหยียบเพื่อเปลี่ยนระดับเสียงตามต้องการ ในการบรรเลงต้องใช้อย่างน้อย 2
ใบ เสียงของกลองจะแสดงอำนาจ ทำให้ความยิ่งใหญ่ ตื่นเต้นเร้าใจ
2.เครื่องดนตรีที่มีระดับเสียงไม่แน่นอน
(Indefinite Pitch Instruments)
2. เครื่องดนตรีกลุ่มนี้ไม่มีระดับเสียงที่แน่นอน หน้าที่สำคัญคือ ใช้เป็นเครื่องดนตรีประกอบจังหวะ เกิดเสียงโดยการตี สั่น
เขย่า เคาะ หรือขูด
1. กิ๋ง(Triangle) เป็นเครื่องดนตรีจัดอยู่ในประเภทเครื่องตีกระทบ
ทำด้วยแท่งโลหะ ดัดให้เป็นรูปสามเหลี่ยม
แท่งโลหะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 ซ.ม.
เพื่อให้เกิดเสียงดังกังวาน ต้องแขวนกิ๋งไว้กับเชือกแล้วตีกระทบด้วยแท่งโลหะ
กิ๋งมีเสียงแจ่มใส มีชีวิตชีวา
2. ฉาบ(Cymbal) คือเครื่องดนตรีประเภทตีกระทบ ทำด้วยโลหะทองเหลือง มีหลายแบบ
ทั้งฉาบแบบฝาเดียว และแบบสองฝา แต่ละแบบยังมีหลายขนาดอีกด้วย
ฉาบแต่ละแบบมีลักษณะการตีแตกต่างกันออกไป เสียงของฉาบทำให้เกิดความตื่นเต้นเร้าใจ
ความสนุกสนาน และความอึกทึกครึกโครม
3. แทมโบริน(Tambourine) เป็นเครื่องตีกระทบจังหวะ
ประกอบขึ้นด้วยขอบกลมเหมือนขอบกลองขนาดเล็กประมาณ 10 นิ้ว
ขอบอาจทำด้วยไม้ พลาสติก หรือโลหะ รอบๆ ขอบติดด้วยแผ่นโลหะประกบกัน 2
แผ่น หรือติดด้วยลูกกระพรวนเป็นระยะ
ใช้การตีกระทบกับฝ่ามือหรือสั่นเขย่า ให้เกิดเสียงดังกรุ๋งกริ๋ง
เพื่อประกอบจังหวะให้เกิดความสนุกสนาน สดชื่น
แทมโบรินบางชนิดจะขึงด้วยหนังเหมือนกลอง 1 ด้าน
ใช้ฝ่ามือตีที่หนังก็ได้ แทมโบรินมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Riqq หรือ Riq
4. มาราคา(Maraca) เป็นเครื่องดนตรีจัดอยู่ในประเภทเครื่องตีกระทบ เดิมทำด้วยผลน้ำเต้าแก่จัด
ทำให้แห้ง ภายในบรรจุด้วยเมล็ดน้ำเต้า เมล็ดถั่วต่างๆ หรือลูกปัดลูกเล็กๆ
ต่อด้ามไว้สำหรับจับถือ เล่นโดยการเขย่าด้วยมือทั้ง 2 ข้างสอดสลับกันเพื่อให้เกิดเสียงซ่าๆ
ปัจจุบันทำด้วยไม้และพลาสติก
5. กลองชุด(Drum
set) คือกลองที่ประกอบด้วยกลองใหญ่ กลองสะแนร์
ฉาบขนาดต่างๆ กลองทอม 2 หรือ 3 ลูกที่มีขนาดแตกต่างกัน
ไฮแอท (ฉาบ 2 ฝาประกบติดกัน กระทบกันด้วยขาเหยียบ)
พร้อมทั้งเพิ่มเครื่องกระทบจังหวะอื่นๆ ประกอบเข้าด้วยกันเป็นพิเศษ อีกด้วย เช่น
เคาเบลล์ เป็นต้น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)